พระพิฆเนศ รุ่น3 อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เทดินไทย เนื้อนวะโลหะ

พระพิฆเนศ รุ่น3 อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร
เป็นพิมพ์​ถือจักร เทดินไทย มีทุกเนื้อ ทั้งดำ แดง เหลือง

พระพิฆเนศเป็นเทพสำคัญองค์หนึ่งของศาสนาฮินดู เป็นผู้พิทักษ์หน้าห้องบรรทมของพระศิวะการอัญเชิญพระศิวะต้องผ่านพระพิฆเนศก่อน ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆจึงต้องมีการบวงสรวงบูชาพระพิฆเนศด้วย นอกจากนี้พระพิฆเนศยังเป็นเทพเจ้าแห่งความสำเร็จและศิลปะวิทยาการทั้งปวง จึงได้รับความเคารพนับถืออย่างกว้างขวาง พระพิฆเนศของท่านอาจารย์เทพย์ สาริกบุตร จัดสร้างประมาณปี 2510 โดยจัดพิธีเททองขึ้นที่วัดเทพธิดา จำนวนสร้างคาดว่าไม่น่าจะเกินพันองค์ หล่อขึ้นจากทองผสมโดยถอดล้อพิมพ์ของท่านเจ้าคุณศรีฯ(สนธิ์) วัดสุทัศน์ แต่มีการแก้ไขทำตำหนิในพิมพ์ให้แตกต่างออกไปเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว


พระพิฆเนศ​อ.เทพ​ย์​ สา​ริก​บุตร​ รุ่น 1 2 และ 3
มีเนื้อ ดำ แดง เหลือง แยกได้ไม่ยากครับ ค่าความนิยมก็ลดหลั่นตามปีที่สร้าง จาก พ.ศ. 2504, 2520 และ 2524

รุ่นแรก พิมพ์​ถือเชือก มีทุกเนื้อ เทดินไทย (นิยมสุด)​ แต่บางคนนำไปยัดเป็นวัดสุทัศน์​ ปี 2493 พระจะถอดพิมพ์​มาองค์​เล็กกว่า และแยกได้ไม่ยาก

รุ่น 2 พิมพ์​ถือเชือก มีเนื้อเหลือง เทดินฝรั่ง มีเส้นรอยแตกด้านหลังทุกองค์ เกิดจากแม่พิมพ์ ซึ่งจะหล่อได้ชัดกว่าดินไทย

รุ่น 3 เป็นพิมพ์​ถือจักร เทดินไทย มีทุกเนื้อ ทั้งดำ แดง เหลือง รุ่นนี้พิเศษจะมีแบบแต่งและไม่แต่งองค์​พระ ซึ่งจะงดงามมาก
การปลุก​เสกจะทำพิธีพุทธ​ก่อน และทำพิธีเทวาภิเสก


อาจารย์เทพย์ สาริกบุตร เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2462 และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2536 รวมอายุ 74 ปีเติบโตมาจากสภาพแวดล้อม แห่งพุทธาคม ไสยศาสตร์ และโหราศาสตร์มาตั้งแต่ต้น ชวนให้เข้าใจว่าท่านได้ถูกจูงใจหล่อหลอมอย่างสําคัญให้สนใจศึกษาอย่างลึกซึ้งในด้านพุทธาคม ไสยศาสตร์ และโหราศาสตร์ แสวงหาวิชาที่อาจเรียกรวมๆว่า ไสยเวทพุทธาคม อันเป็นความรู้ชั้นยอดทั้งทางพราหมณ์ และทางพุทธตามสํานักและวัดต่างๆเช่น วัดสามปลื้ม วัดปทุมคงคาและวัดสามจีน เป็นต้น

จากนั้นจึงไปศึกษาในสํานักพระมหาโต๊ะ วัดราชบูรณะ ด้านการสักยันต์ และวิชากรรมฐาน และกับท่านพระครูใบฎีกาเทพย์ สิงหรักษ์ วัดระฆัง ก่อน จะศึกษาไสยศาสตร์กับท่านเจ้าคุณศรี (สนธิ์) วัดสุทัศน์ ศึกษาวิชาพระยันต์ 108 นะ 14 ตํารับพระวนรัตน์ วัดป่าแก้ว รวมทั้งวิชาหล่อพระชัยวัฒน์และพระกริ่ง ด้วย ทําให้อาจารย์เทพย์เชี่ยวชาญการหล่อพระกริ่งในเวลาต่อมา

หลังจากศึกษาวิชาในสํานักต่างๆ เขตกรุงเทพฯ ธนบุรี ระยะหนึ่งจึงได้ศึกษาต่อสํานักต่างๆ ในส่วนภูมิภาค เช่น สํานักอาจารย์สี วัดมณีชลขัณฑ์ จังหวัดลพบุรี สํานักหลวงปู่บุญ วัดกลาง บางแก้ว สํานักวัดประดู่โรงธรรม สํานักหลวงปู่เทียม วัดกษัตราธิราช และสํานักหลวงพ่ออั้น วัดพระญาติ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา ทั้งนี้รวมทั้งสํานักหลวงปู่รอด วัดบางน้ำวน วัดน้อยทอง อยู่กับวัดภุมรินทร์ราชปักษา (วัดทั้งสองวัดนี้ได้ร้างไปแล้วเมื่อครั้งสงครามโลก ครั้งที่ 2)

เมื่ออาจารย์เทพย์ได้ไปศึกษาวิชาจากสํานักต่างๆ ที่ลพบุรีและอยุธยาแล้วระยะหนึ่งก็กลับมาศึกษาต่อกับสํานักต่างๆ ในกรุงเทพมหานครอีก เช่น กับพระครูสมุห์โต๊ด วัดชนะสงคราม และอาจารย์พรหม สํานักวัดพระเชตุพน เป็นต้น

นอกจากความเชี่ยวชาญเรื่องไสยศาสตร์แล้ว ท่านอาจารย์เทพย์ยังมีผลงานในการจัดสร้างพระกริ่งอันเป็นที่นิยมทั่วไปอีกหลายรุ่นเช่น พระกริ่งปวเรศน้อย พระกริ่งจอมสุรินทร์ พระกริ่งเอกาทศรถ พระกริ่งจิตคุโต พระกริ่งดาวเจ็ดดวง และพระกริ่งนวโกฏิ รวมทั้งเครื่องรางของขลัง ตะกรุด และ ยันต์ในตะกรุด เช่น ตะกรุดมหาจักรพรรดิ ตะกรุดคงกระพัน ตะกรุดดวงพิชัยสงคราม และตะกรุดคู่ชีวิต ทั้งนี้ รวมทั้งการลงยันต์และการทําผง เช่น ผงปถมัง อิทธิเจ ตรีนิสิงเห หัวใจ 108 และมหาราชาด้วยแะละยังเป็นเจ้าพิธีสําคัญๆอื่นๆอีกมากมาย เช่น พิธีมหาจักรพรรดิกษัตราธิราช


" โอม ศรีเคณ ศายะ นะมะ" พระพิฆเนศ เทพเจ้าผู้ขจัดอุปสรรคและ ประทานความสำเร็จให้แก่ผู้ศรัทธาทั้งปวง